Bitcoin 101: Proof of Work คืออะไร ทำงานอย่างไร?

Genesis Block TH
2 min readJul 12, 2021

--

การทำธุรกรรมบนเครือข่าย Blockchain จะต้องมีผู้ที่คอยตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมนั้น ๆ โดยระบบที่เอาไว้ใช้ตรวจสอบและยืนยันการทำธุรกรรมนั้น ๆ ว่าถูกต้องก็คือระบบที่เรียกว่า Proof of Work หรือ PoW นั่นเอง

ก่อนหน้านี้ได้มีการอธิบายเรื่อง Proof of Stake (PoS) ไปแล้วว่าเป็นโปรโตคอลที่เอาไว้ใช้ยืนยันการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Blockchain เช่นกัน แต่ PoS นั้นจะไม่มีการขุดเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยทั้ง PoS และ PoW เราเรียกว่าระบบที่เอาไว้ใช้รักษาความปลอดภัยของเครือข่าย Blockchain แบบฉันทามติ (consensus mechanism)

ส่วน PoW นั้นมีอัลกอริทึมที่เรียกว่าการขุด (Mining) เข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นอัลกอริทึมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหา double spending สร้างและเสนอโดย Satoshi Nakamoto ในช่วงปี 2008 อ้างอิงจาก Whitepaper ของ Bitcoin แต่อันที่จริงอัลกอริทึมชนิดนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นมาก

เหรียญคริปโตที่ใช้ PoW ในตอนนี้ก็จะมี Bitcoin และ Ethereum และยังมีเหรียญคริปโตอื่น ๆ อีกด้วย

ทำไมต้องใช้ระบบ Proof of Work?

การใช้ PoW ก็เพื่อแก้ปัญหา double spending ในคริปโต กล่าวคือป้องกันไม่ให้การใช้เหรียญคริปโตนั้น ๆ ไปทำธุรกรรมซ้ำกับอันอื่น ซึ่งมันจะไม่เกิดขึ้นกับการทำธุรกรรมในเงินจริง ๆ เพราะว่าเมื่อเราจ่ายเงินสดซื้อของสิ่งใดไปแล้วเราไม่สามารถเอาเงินสดอันนั้นไปซื้อของอย่างอื่นได้อีก ต้องใช้ธนบัตรหรือเหรียญกษาปณ์อันใหม่

แต่พอเป็นคริปโตมันเป็นเงินดิจิทัล ข้อมูลทุกอย่างเก็บไว้ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ซ้ำ เลยเกิดอัลกอริทึมแบบ PoW ขึ้น

อธิบายหลักการของ Proof of Work

Blockchain เป็นข้อมูลที่สามารถตรวจสอบและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน เป็นระบบที่เก็บการทำธุรกรรมทุกอย่างเอาไว้ใส่ไว้ในบล็อค และเรียงลำดับต่อกันเป็นห่วงโซ่ (chain)

เมื่อมีการทำธุรกรรมจะมีการบันทึกไว้ในบล็อค แต่ก่อนที่บล็อคนั้นจะถูกเพิ่มไปยังห่วงโซ่หรือ chain มันจะต้องมีการอ้างอิงถึงบล็อคการทำธุรกรรมก่อนหน้าของมันก่อน เพื่อที่ว่าจะได้มั่นใจว่าการทำธุรกรรมนั้น ๆ มันยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและเมื่อตรวจสอบแล้วจึงจะถูกเพิ่มไปยัง Blockchain

บล็อคต่อ ๆ มันจะมีการอ้างอิงใส่ข้อมูลบล็อคก่อนหน้ามันเสมอ เป็นการคัดลอกการทำธุรกรรมทั้งหมดและอัปเดทการทำธุรกรรมใหม่เข้ามา

หลักการทำงานของ PoW สามารถอธิบายเป็นขั้นตอนได้ดังนี้

  1. นักขุด (miner) แข่งกันยืนยันธุรกรรมว่าใครจะยืนยันสำเร็จเป็นคนแรก
  2. การยืนยันธุรกรรมต้องอาศัยการแก้ปัญหาการเข้ารหัสที่ซับซ้อนมากซึ่งเราเรียกว่า Hash
  3. เมื่อได้ค่า Hash แล้วนักขุดจะเผยแพร่มันขึ้นไปยังเครือข่ายอื่น ๆ เพื่อให้นักขุดรายอื่นตรวจสอบความถูกต้อง
  4. ถ้าค่า Hash ถูกต้อง คนที่ไขรหัสได้จะได้รับรางวัล
  5. ระบบนี้เรียกว่า Proof of Work

ข้อดีของระบบ Proof of Work

  • ป้องกันปัญหา Double Spend เนื่องจากทุก ๆ บล็อคจะต้องถูกตรวจสอบด้วยนักขุดอยู่แล้ว
  • มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากว่าแต่ละการ Hash ที่เกิดขึ้นมันไม่เหมือนกันและไม่สามารถถูกดัดแปลง ทำซ้ำได้ ถ้าค่า Hash ไม่ถูกต้อง นักขุดจะต้องส่งค่าใหม่ การเปลี่ยนแปลงแค่ 1 ตัวอักษรจะส่งผลต่อผลลัพธ์ทั้งหมดเลย
  • ถูกแฮ็กยาก การที่จะแฮ็กระบบ Blockchain ที่ใช้ PoW ได้ต้องมีการควบคุมเครือข่ายให้ได้มากกว่า 51% ขึ้นไปซึ่งต้องใช้ทั้งเวลา พลังงานไฟฟ้าและต้นทุนที่สูงมาก

ข้อเสียของระบบ Proof of Work

  • ต้นทุนและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เพราะระบบแบบ PoW ต้องอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ พลังคอมพิวเตอร์ที่ช่วยประมวลผลการขุด ยิ่งมีพลังการขุดเยอะยิ่งมีโอกาสยืนยันธุรกรรมได้สูงกว่า จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายทั้งต้นทุนของเครื่องขุด พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ค่อนข้างสูง จึงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
  • มีความรวมศูนย์อำนาจมากเกินไป (centralization) ผู้ที่มีต้นทุนน้อยก็จะหันไปใช้การขุดร่วมกับคนอื่น ๆ ซึ่งเรียกว่า mining pool และหาก mining pool นั้นมีผู้เข้าร่วมเยอะก็ส่งผลให้เครือข่ายยิ่งเข้าใกล้สู่ความรวมศูนย์อำนาจมากขึ้น

ตัวอย่างเหรียญที่ใช้อัลกอริทึมแบบ Proof of Work

ในเวลานี้เหรียญที่ใช้อัลกอริทึมรักษาความปลอดภัยของระบบแบบ PoW ก็จะมี

  • Bitcoin (BTC)
  • Ethereum (ETH)
  • Litecoin (LTC)
  • Monero (XMR)
  • Doge Coin (DOGE)
  • Bitcoin Cash (BCH)

บทสรุป

ระบบแบบ Proof of Work มีความปลอดภัยสูงก็จริงแต่ด้วยข้อเสียคือต้นทุนในการที่นักขุดจะเข้ามาเป็นผู้รักษาความปลอดภัยของเครือข่ายนั้นค่อนข้างสูงและยังมีข้อกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้นักพัฒนาต้องหันไปหาอัลกอริทึมชนิดอื่น ๆ แทนที่ต้นทุนต่ำกว่าและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า

--

--

Genesis Block TH
Genesis Block TH

Written by Genesis Block TH

Genesis Block Thailand aims to be Thailand's premier Blockchain educational center for panel discussions, presentations and networking meetups

No responses yet